Friday, 31 March 2023

"สู่ขวัญ บูลกุล" ในวัย 50 รู้สุขรู้ทุกข์ ออกแบบการจากลาของตัวเองไว้แล้ว ไม่อยากกลับมาเกิดอีก

เป็นสตรีต้นแบบของผู้หญิงหลายท่านในยุคนี้ สำหรับ “สู่ขวัญ บูลกุล” ที่ปีนี้ย่างเข้าเลข 5 แล้ว สู่ขวัญได้มาเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ทั้งสุข และก็ ทุกข์ รวมถึงการผ่านวาระของการจากลา ที่เป็นช่วงที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต จนถึง ไม่คิดอยากจะเกิดมาอีกแล้ว

ชอบพลังงานดี ๆ ในวัยนี้?

“ใช่ เรามีความคิดว่า ยิ่งพวกเราอายุมากยิ่งขึ้น พวกเรายิ่งชอบตนเองมากเพิ่มขึ้น

สมัยเก่าคำว่า รักตัวเอง เราไม่เก็ตเลย มันอย่างไร แปลว่าอะไร ฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเหรอ สุข ทุกข์ ที่มันผ่านมาในชีวิตพวกเรา ทำความเข้าใจกับมัน ตอนทุกข์ ก็ทุกข์ ตอนสุข ก็สุข แต่มันทำให้พวกเราเข้าใจชีวิต รวมทั้ง รู้จักชีวิต

กระทั่งมาเป็นวันนี้ พวกเรามิได้เพอร์เฟกต์ และ ไม่ได้มีทุกอย่าง แต่พวกเราก็เดิน ก้าว ข้ามผ่านทุกอย่างมาได้ บางทีก็ไปได้อย่างรวดเร็ว บางทีก็ไปได้ช้า บางทีก็จำต้องลงไปพักก่อน ลุกไม่ไหว แต่ในที่สุดพวกเราก็ผ่านหลายอย่างมาแล้ว

จะเรียกว่าภูมิใจก็ได้ จะเรียกว่า พวกเรารู้จักชีวิตก็ได้ พวกเราไม่ค่อยกลัว ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ ทั้งหมดจะเป็นเรื่องราวในชีวิตที่สุดท้าย พวกเราจะรู้ดีว่าที่มาถึงวันนี้ เป็นเนื่องจากตัวเรา

เพราะว่าการเอ๋ยถึงชีวิตมันไม่มีใครช่วยกันได้นะ คุณต้องเดินไปด้วยตัวเอง ทุกปัญหา ทุกอุปสรรค มีคนยื่นกำลังใจได้ ให้คำปรึกษาได้ ให้ความรักได้ แต่คนที่ในที่สุดจำต้องลุกขึ้นยืน และก็เดินไปเองให้ได้คือ เรา”

จริง ๆ แล้วชีวิตมนุษย์ มันมิได้ยากอย่างที่คิด แค่อยู่กับสิ่งที่เรามีอยู่?

“มันบางครั้งอาจจะเป็นสิ่งที่ดี ที่สุด ที่เราทำเป็นก็ได้ แต่พวกเราเพียรพยายามที่จะคิดทำอะไรให้มันยากไปอีก มันจำต้องค้นหาขั้นตอนการ หรือยังไง แต่ท้ายที่สุด มันก็คืออยู่กับโมเมนต์นั้น ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะ สุข หรือ ทุกข์ มันจะผ่านไปทุกวินาที อันนั้นล่ะ คือดีที่สุดแล้ว ที่เราจะทำได้”

สู่ขวัญ

“สู่ขวัญ บูลกุล” เคยบอกไว้ว่า อีก 5 ปีจะออกจากวงการ เดี๋ยวนี้ยังเหลืออีก 1 ปี แต่ สู่ขวัญ ก็ไม่เชิงว่า อยู่ในแวดวง?

“(หัวเราะ) ยังคิดอยู่เสมอเวลา ยังคิดอยู่เรื่อยนะ ถ้าเกิดพวกเราไม่ทำอะไรทุกอย่าง ที่พวกเราทำอยู่ในขณะนี้ จะคืออะไร แต่ขวัญพบว่าเรามักจะรักคนที่ปฏิบัติงานด้วยเสมอเลย มันเลยเป็นอีกเรื่องหนึ่งไป ไม่ใช่ว่าพวกเราอยู่ในวงการ หรืออะไร ขวัญเป็นคนโชคดี เรื่องคน ทุกครั้ง คนที่ขวัญดำเนินการด้วย จะกลายเป็นเพื่อนในชีวิตจริงไปหมดเลย ด้วยเหตุนั้นการออกจากวงการมันยากตรงที่พวกเขาเป็นเพื่อนเรา การที่ไปดำเนินงานเหมือนการได้ไปพบเพื่อนฝูง ซึ่งเราก็รักเขา แล้วก็ ยังอยากเจอเขาอยู่ตลอด”

ชีวิตโดยรวมยังมีอะไรที่รู้สึกอยากจะค้นหาอีกไหม?

“ขวัญว่าพวกเราไม่ต้องไปค้นหรอกจ้ะ ชีวิตมันใส่อะไรให้เรามาตลอด โดยที่พวกเราไม่ต้องค้นหา ขวัญว่าพวกเราจัดการมันให้ได้ดีกว่า ยิ่งโตขึ้น ประสบการณ์ชีวิตเยอะขึ้น สิ่งที่ชีวิตมันโยงให้พวกเรา มันบางทีก็อาจจะซับซ้อนขึ้น ยากขึ้น เพราะอะไรที่มันผ่านมาแล้ว มันง่ายไปแล้ว พวกเราก็จะไม่ไปโฟกัสกับมัน พวกเราจะก้าวข้ามผ่านมันไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความอุตสาหะแล้ว เราทราบ เราเข้าใจว่าเราจะผ่านมันไปอย่างไร เราทราบเราเข้าใจว่าเราจะคิดกับเรื่อง ๆ นั้นอย่างไร ชีวิตมันยังเป็นอะไร ที่อเมซิ่งเสมอ

ถึงปีนี้ ขวัญ 50 ปี ขวัญก็ไม่เชื่อว่า ขวัญเข้าใจชีวิตดี เพียงแต่ว่า พวกเราเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตอยู่กับ สุข และก็ ทุกข์ พอใจ ไม่พอใจ เสร็จ แล้วก็ ผิดหวัง รู้ดีว่าจะอยู่กับสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งอารมณ์ต่าง ๆ เหล่านี้อย่างไร แต่พี่ขวัญก็ไม่เชื่อว่า พี่ขวัญเข้าใจชีวิตได้ดี พวกเรามั่นใจว่ามันยังมีอีกมาก เพียงแค่เมื่อเรามาถึงบางครั้งบางคราว บางครั้ง เมื่อพวกเราจำเป็นที่จะต้องเจออะไร พวกเราก็จะเจอสิ่งนั้นเอง”

4 ปีที่ผ่านมา เรื่องที่ทุกข์ที่สุด คืออะไร ก้าวผ่านยังไง?

“ทุกข์ที่สุดคือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจากไปของคุณพ่อกับคุณแม่ เนื่องจากภายใน 3 ปี ที่ผ่านมา เสียเรียงกันเลยค่ะ คุณพ่อเสียไปก่อน ป๊ะป๋าเสียปี 2019 คุณแม่เสียปีที่แล้ว ถือได้ว่าเป็นการสูญเสีย ที่มันก็ให้ความจริงของชีวิตจริง ๆ

ด้วยเหตุว่าสำหรับขวัญป๋าสำคัญมากในชีวิต แต่พวกเราก็รู้มาตลอด เพราะเหตุว่าป๊ะป๋าไม่ได้ทันควัน แต่แกป่วยไข้มายาวนานหลายปีแล้ว เราก็รู้ว่ามันมีวันใดวันหนึ่งแน่นอน ก็คุยกับตัวเองว่า สิ่งที่จะมีผลให้เราเสียใจ คือ ณ เวลาที่เรามีอยู่ ทำไมเราถึงไม่ทำ

ตอนที่พ่อยังอยู่ ณ วันเวลานั้นในสิ่งแวดล้อมนั้น ใน ความสามารถในตอนนั้นทุกอย่างที่เราพอจะทำได้ พวกเราว่าพวกเราได้ทำเต็มที่แล้ว เมื่อป๋าจากไป เราก็คงจะเดินต่อไปได้ ซึ่งพวกเราก็เดินต่อไปได้จริง ๆ จ้ะ แต่ความทุกข์ทรมานมันหนักมากมาย ราวกับว่าบางอย่าง ฉีก แล้วหายวับไปเลยจากชีวิต ชีวิตมันต่อรองมิได้จริง ๆ เรื่องความจริงชีวิต มันต่อรองมิได้จริง ๆ มีบางอย่างฉีกขาดหายวับไปกับตาเลย ขนาดว่าเราเตรียมความพร้อมมาอย่างดีแล้ว พวกเราก็ยังคิดว่า มันมีผลกระทบกับพวกเราม๊าก…มากมายๆๆๆ

เราทำทุกอย่างมาอย่างดี ตระเตรียมใจมาอย่างดี ในตอนนั้นไม่มีฟูมฟาย จน ลอยอังคารเสร็จราวกับทุกอย่างมันถาโถม เรารู้สึกได้เลยว่า นี่คือความทุกข์ใจ ถ้าเกิดจะเป็นความทุกข์แบบไหน ที่พวกเรามีความคิดว่าไม่ต้องการที่จะอยากกลับมาเกิดอีกแล้ว

เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเจอกับความทุกข์แบบงี้อีก เนื่องจากว่ามันหนัก ยิ่งเรามองเห็นลูกเราเสียใจ จากที่พวกเราทุกข์ใจอยู่แล้ว มันยิ่งทุกข์ใจไปอีกเท่านึง พวกเรายิ่งจำต้องอดทน พี่ขวัญบอกเลยว่า ความอดทนของผู้คนไม่มีขีดจำกัด”

สู่ขวัญ บูลกุล

“สู่ขวัญ” มีคุยกับสามีแล้ว ถ้าเกิดเธอรั้งฉันไว้ ฉันจะกลับมาหลอก?

“ใช่ ก็คุยกับพี่โชคไว้ พี่โชคเขาจะบอกว่ามิได้สิ ถ้าเรายังได้โอกาส พวกเราจำเป็นต้องทำแบบเต็มที่ ทำสุดความสามารถ ที่พวกเราจะทำเป็น มีโอกาสพวกเราจำต้องสู้ ขวัญก็บอกว่า ประเดี๋ยวก่อนค่ะ สู้นี่ดิฉัน ฉันทรมานนะคะ ทุกวันนี้ขวัญดำเนินชีวิตอย่างรู้คุณค่าของชีวิต ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้เสียใจกับเรื่องอะไร ก็ทำเต็มที่ ทุกวันนี้ตื่นมารู้สุข รู้ทุกข์ ในแต่ละวัน เมื่อมีความสุขก็รู้คุณค่าของความสุข เมื่อพบความทุกข์ใจ ก็เข้าใจว่านี่แหละ คือการเรียนรู้ของชีวิต ไม่เคยประมาทกับมัน ไม่เคยไม่เห็นคุณค่าของชีวิต

ถ้าเกิดวันนึงเราเป็นอะไรไป แล้วมันต้องเป็นความทรมาน ในการรักษา แม่มีความรู้สึกว่าแม่โอเค ปลดปล่อยเถิด บากบั่นบอกกับลูกไว้ แต่กับสามีดูแบบเหมือนจะต้องรักษาไหม พวกเราเลยจำต้องใช้มุก ถ้าหากมายืดแบบทรมาทรกรรมนะ รับประกัน พี่ล้างหน้าอยู่แหงนขึ้นมา พี่เห็นขวัญอยู่ข้างหลังแน่ๆ คือขู่ไว้ก่อนเลย พี่จะเจอกับขวัญอีกภาคนึงแน่ๆ”

แล้วสุขในแต่ละวันของพวกเรา?

“แค่ทุกยามเช้า มีกาแฟก็แฮปปี้แล้ว นี่คือสิ่งที่พี่ขวัญมีความสุข ในทุก ๆ ตอนเช้าของวัน ตื่นเช้าตรู่มาทำนั้นทำนี้ ทำครัวเสร็จ ก็นั่งทานกาแฟ นั่งดูต้นไม้ ได้นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆอากาศดี ก็แฮปปี้ แดดดีก็งาม วันนี้ครึ้ม ๆ มันก็เป็นอีกแบบนึง หนาวนี้หนาวอยู่หลายวัน ก็รู้สึกโชคดี ที่ปีนี้หนาวนาน ยังแฮปปี้กับโมเมนต์นั้นดังเดิม ถ้าสู่ขวัญ อาทิตย์หน้าต้องตายแล้วนะ อะไรบ้างที่พวกเรานึกถึง บางทีอาจจะนึกถึงตอนที่พวกเรานั่งรับประทานกาแฟเฉยๆของเราคนเดียว ตอนเช้า นั่งมองต้นไม้ แล้วคิดโน่น คิดนี่ไป”

มันเรียบง่ายอย่างยิ่ง?

“ขวัญคิดว่า ขวัญโชคดี ที่ว่าถ้าหากความสุขของขวัญ มันง่ายแค่นี้มันก็กลายเป็นขวัญ มีความสุขได้ทุกวันเลยเนอะ แม้กระทั่งเรามีเรื่องทุกข์อยู่ พวกเราก็จะตื่นมาแล้วมีโมเมนต์นั้น เป็นช่วงๆที่เราได้อยู่เงียบๆแล้วคิด ปล่อยวางกับอะไรบางอย่าง คิดที่จะช่างมัน แล้วก็ยอมรับกับความไม่ได้ดั่งใจนั้น ต่อให้มันสุข หรือ ทุกข์ มันก็เป็นจังหวะที่ดี เป็นโมเมนต์ที่ดี ทุกวันที่เรามีอยู่ในทุกๆวัน”